จะทำระบบ 12V หรือ 24V ดี

ถือเป็นคำถามยอดฮิตสำหรับนักเล่นโซล่าร์เซลระบบ off grid มือใหม่ เพราะในใจจะคิดว่าถ้าเล่นระบบ 12V ก็จะซื้อแบตเตอร์รี่ลูกเดียว แต่ถ้าเล่นระบบ 24V ก็ต้องซื้อแบตเตอร์รี่สองลูกซึ่งราคาก็สูงเอาการ นั่นเพราะถ้าเราเริ่มต้นสร้างระบบโซล่าร์เซลขึ้นมา สำหรับนัก DIY แล้วมักจะเริ่มต้นที่แผงโซล่าร์เซลเพียง 1 แผงเท่านั้น
พูดง่ายๆ นัก DIY ที่เริ่มต้นระบบโซล่าร์เซลเพื่องานเล็กๆ ก็จะเริ่มต้นด้วยอุปกรณ์ขั้นต่ำคือ
- inverter 12V 1000W ราคาประมาณ 2000 บาท หรือถ้าแบบ Modified Wave ราคาก็อยู่แถวๆ 1000 บาทเท่านั้น
- แผงโซล่าร์เซล 300W 38V ราคาประมาณ 4000 บาท
- ชาร์ชเจอร์ (Solar Charger) แบบ PWM 30A ราคาประมาณ 200 บาท
- แบตเตอร์รี่ 1 ลูก 12Volt 100Ah แบบน้ำ ราคาประมาณ 5500 บาท
รวมราคาอุปกรณ์ข้างต้นไม่รวมสายไฟ เบรกเกอร์ และค่าติดตั้งก็ราวๆ 12,000 บาท ซึ่งก็พอเริ่มใช้งานได้ ชาร์ชทั้งวันแบตเต็ม และใช้ไฟได้ประมาณ 500 W-Hr ใช้หลอดไฟ 4 หลอดขนาด 3 วัตต์ได้ซัก 10 ชั่วโมง ดูทีวีได้ซัก 4 ชั่วโมง สำหรับการใช้งานกลางคืนล้วนๆ ส่วนกลางวันก็พอมีไฟเหลือใช้จากการชาร์ชแบตมาใช้พัดลม ดูทีวีได้อีกบ้าง
ถ้าจะเพิ่มแบตเตอร์รี่อีกก้อนเพื่อเล่นระบบ 24 Volt จะเห็นได้ว่าต้องเพิ่มเงินไปอีกเกือบ 6000 บาท หรือคิดเป็นกว่า 50% ของเงินลงทุนเริ่มต้นเลยทีเดียว ดังนั้นในแง่ของต้นทุนแล้วการเล่นระบบ 12 Volt จึงถือว่าเป็นระบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
การคำนวนการใช้ไฟข้างต้นที่อยู่ที่ประมาณ 500 W-Hr นั้นหลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่าพลังงานในแบตที่เก็บไว้ 12V x 100 A = 1200 W ทำไมใช้ได้เพียงนิดเดียว ทั้งนี้เราต้องทำความเข้าใจว่า แบตเตอร์รี่แบบตะกั่วกรดนั้น แม้จะเป็นแบบ Deep Cycle ก็จริง แต่หากต้องการให้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 2-3 ปี เราไม่ควรดึงกระแสออกไปต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของความจุของแบตเตอร์รี่
นั้นคือเราควรจะดึงไฟออกไปใช้เต็มที่ก็ประมาณ 40 – 45A หรือคิดเป็นกำลังไฟฟ้าก็ราวๆ 40A x 12V หรือประมาณ 500WHr เท่านั้น
ดังนั้นหากมีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่านั้น แน่นอนว่าหลายคนคงคิดถึงการเพิ่มแบตเตอร์รี่ด้วยการขนานแบตเข้าไป เป็น 12V 200AH ด้วยการซื้อแบตเตอร์รี่ 2 ลูก ทำให้ใช้พลังงานได้ถึง 1000 W-Hr
แต่ปัญหาของระบบ 12V แล้วดึงพลังงานสูงๆ ก็คือ กระแสไฟฟ้าที่ต้องดึงจากแบตเตอร์รี่มาใช้และกระบวนการชาร์ชไฟกลับเข้าไป โดยเมื่อเราคำนวนการใช้ไฟซัก 500W ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง กระแสที่ต้องดึงจากแบตเตอร์รี่ก็จะอยู่ที่ประมาณ 42A ซึ่งแบตแต่ละลูกจะจ่ายกระแสที่ 21A โดยประมาณ และใช้งานได้ราว 2 ชั่วโมง
ปัญหาเริ่มต้นคือสายไฟที่จะรองรับกระแสได้ 42A จากแบตเตอร์รี่ไปยัง Inverter ซึ่งก็คงต้องมองสายไฟที่ระดับ 10 ตารางมิลลิเมตรขึ้นไป ถ้าใช้ไฟในระดับ 1000W ต่อเนื่อง กระแสไฟฟ้าวิ่งที่ 84A สายไฟก็ต้องใหญ่ขึ้นไปอีก
ในขณะเดียวกันถ้าจะชาร์ชไฟให้ได้ 1000W เท่าเดิมที่ 12V ในระยะเวลา 4 ชั่วโมง กระแสชาร์ชที่ประมาณ 21A ต่อชั่วโมง สายชาร์ชก็ต้องเพิ่มขนาดเข้าไปอีกด้วย
แต่หากเรามองที่ระบบนี้ด้วยกำลัง 1000W และมีแบตเตอร์รี่อยู่แล้ว 2 ลูก นำมาต่ออนุกรมกันและเปลี่ยนมาเป็นระบบ 24V แทน เราจะพบว่า กระแสที่จะวิ่งจากแบตเตอร์รี่มายัง inverter นั้นจะลดลงมาที่ 42A จากเดิมที่ 84A ทำให้สามารถลดขนาดสายไฟลงได้ กระแสก็ไม่วิ่งสูงเกินไป กำลังวัตต์ก็เท่าเดิม
นั่นคือสาเหตุว่าทำไม inverter กำลังสูงๆ เช่น 4000W – 5000W จะสามารถใช้ได้กับระบบแบตเตอร์รี่ที่ 48V หรือ 60V ได้ เพราะที่ 2000W 48V กระแสจะไหลจากแบตเตอร์รี่มาเข้าที่ inverter ที่ 42A เท่านั้น แต่หากเป็นระบบ 12V กระแสจะไหลสูงถึง 166A เลยทีเดียว
ดังนั้นหากท่านกำลังเริ่มเล่นระบบโซลาร์เซล แนะนำว่าให้หาอุปกรณ์ที่สามารถรองรับ Volt ทั้ง 12 และ 24 จะเป็นการดี เช่นอุปกรณ์ Charger และ Inverter จะได้ไม่ต้องหาซื้อมาเปลี่ยนเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น
Leave a comment
You must be logged in to post a comment.